วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

อาหารพิชิต " ร้ อ น "


อาหารพิชิต " ร้ อ น "

อากาศร้อน โลกร้อน บ้านเมืองเราก็ร้อน เลยอยากมาแนะนำ เคร็ดวิธีจัดเมนูอาหารที่เย็นฉ่ำเปรียบเสมือนโอเอซิสมาฝาก

อย่างน้อยก็ช่วยให้อุณหภูมิที่สูงแทบปรอดแตกนี้ลดลง ไม่ให้ว้าวุ่นกายและใตในหน้าร้อน ใช่ชีวิตอย่างเย็นๆ

หน้าร้อนกร่อนชีวิตให้แก่เร็ว ความชรามีเครื่องพรางอย่างหนึ่งซึ่งไม่ใช่สเต็มเซลล์หรือคอลลาเจน หากแต่เป็นของที่พรางได้ดีกว่านั้นมาก นั้นก็คือสิ่งที่เรียกว่า "สันตติ" คำนี้ที่จริงแปลว่า "ความต่อเนื่อง" มันก็คือความหลงยึดของคนอายุ 70 ปีที่คิดว่ายังคงอายุ 20 ปีอยู่ดังเก่าก่อนเลยกระทำสิ่งต่างๆรวมถึงการกินการอยู่ให้เหมือนกับวัย 20 จนทำให้กายเริ่มประท้วงทนไม่ไหว


นั่นก็คือตัวอย่างของ "สันตติภาคปฏิบัติ" ที่มีความหมายที่แท้จริงคือ ความเห็นว่าตัวเรามีความต่อเนื่องกันว่า กายตอนอายุ 70 ปีก็คือกายสมัย 20 ปีที่เสื่อมลงไปซึ่งที่จริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น แม้ในทางวิทยาศาสตร์ก็บอกแล้วว่าตัวเราผลัดเปลี่ยนอณูกายอยู่ตลอดเวลา กะเอาว่าทุกๆ 7 ปีนี้ก็จะผลัดครบทุกองคาพยพ พูดให้ง่ายขึ้นคือ ทุก 7 ปี เรากลายเป็นคนใหม่เรื่อยๆ

การเลือกกินอาหารจึงช่วยให้ชีวิจสบายขึ้นได้ลองเลือกกินดูเพื่อจะช่วยให้สดชื่นขึ้นสบายตัวขึ้น

อาหารหวานจัด แป้งแยะอย่าง ข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวทุเรียน ผลไม้หวานจัดอย่างขนุน ลำไย ลิ้นจี่ กินได้ แต่ควรกินให้น้อยลงเพราะจะยิ่งทำให้ร้อน อักเสบภายในมากขึ้น แกงเลียง แกงส้ม ต้มยำ เหล่านี้คืออาหารไทยๆ ที่ช่วยคลายความร้อนรุ่มจนขับเหงื่อออกมามากทำให้กายเบาสบายขึ้นได้

เคยรู้บ้างปะ เรื่องแบบว่า..........อะนะ

เคยรู้บ้างปะ เรื่องแบบว่า..........อะนะ
1. เส้นเลือดในร่างกายมนุษย์มีความยาวรวม 62,000 ไมล์ ถ้านำมันมาเรียงต่อกันเป็นทางยาวจะได้ความยาว ถึง 2.5 เท่าของเส้นรอบวงโลก

2. The Great Barrier Reef (แนวปะการังที่ยาวทีสุดในโลกบริเวณออสเตรเลีย) เป็นโครงสร้างสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีความยาวกว่า 2000 กิโลเมตร

3. โอกาสที่โลกจะถูกโจมตีด้วยอุกาบาตขนาดใหญ่ อยู่ที่ 9300 ปีต่อครั้ง

4. ดาวนิวตรอนขนาดเท่าหัวแม่มือมีน้ำหนักกว่า 100 ล้านตัน

5. พายุเฮอริเคนหนึ่งลูกผลิตพลังงานเท่ากับระเบิดขนาด 1 เมกะตันจำนวน 8000 ลูก

6. คาดว่ามีพยาธิปากขอ ซื่งดูดเลือดเป็นอาหารอยู่ในร่างกายมนุษย์โลกเรา 700 ล้านคน

7. Fred Rompelberg คือผู้ขี่จักรยานด้วยความเร็วที่สุดในโลกด้วยความเร็ว 166.94 ไมล์ต่อชั่วโมง

8. มนุษย์เราสามารถคิดค้นแสงเลเซอร์ที่มีความสว่างกว่าแสงอาทิตย์ 1 ล้านเท่า

9. 65% ของผู้ป่วยออทิสติคส์ เป็นคนถนัดซ้าย

10. Finnish pine tree (ต้นสนชนิดหนึ่งในฟินแลนด์) มีความยาวของรากแต่ละต้นรวมแล้วกว่า 30 ไมล์

11. จำนวนเกลือที่อยู่ในน้ำทะเลทั่วโลกเรา สามารถปกคลุมพื้นผิวทวีปทั่วโลกได้หนากว่า 500 ฟุต

12. กลุ่มแก๊สระหว่างหมู่ดาวในราศีธนู มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์นับหมื่นล้านล้านลิตร

13. หมีขั้วโลกสามารถวิ่งด้วยความเร็ว 25 ไมล์ต่อชัวโมง และกระโดดได้สูงกว่า 6 ฟุต

14. มนุษย์และปลาโลมาสืบสายพันธ์เดียวกันมาตั้งแต่ 60 - 65 ล้านปีก่อน

15. กล้อง infared จับภาพหมีขั้วโลกได้ยากมาก เนื่องจากคุณสมบัติของขนของมัน

16. เฉลี่ยแล้วในหนึ่งปี คนเราจะกินสัตว์จำพวกเห็บลิ้นไร โดยไม่ได้ตั้งใจไป 430 ตัวต่อคนต่อปี

17. รากของต้น Rye(ข้าวชนิดหนึ่งใช้หมักสุรา) สามารถแผ่ขยายไปได้ถึง 400 ไมล์

18. อุณหภูมิบนพื้นผิวของดาวพุธสูงกว่า 430 องศาเซลเซียสในเวลากลางวัน แต่ลดลงต่ำกว่า ติดลบ 180 องศาเซลเซียสในเวลากลางคืน

19. ภายใน 24 ชั่วโมง ต้นโอ๊กขนาดใหญ่ขับน้ำ(ในรูปของไอน้ำ)ออกมา 10 - 25 แกลลอน

20. ผีเสื้อรับรู้รสด้วยขาหลังของมัน โดยประสาทการรับรู้ทำงานโดยการสัมผัส ทำให้มันรู้ว่าใบไม้และดอกไม้ที่มันสัมผัส มีรสชาติอย่างไรและกินได้หรือไม่

อยู่คนเดียวบ้างก็ดีนะ


อยู่คนเดียวบ้างก็ดีนะ



"การอยู่คนเดียว" ในที่นี่ ไม่ได้หมายรวมถึงว่า คุณต้องปฏิเสธการสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น เพราะการมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นถือเป็นด้านหนึ่งที่สำคัญของชีวิต ขณะที่เราต้องรู้จัก


1. เพื่อค้นพบตัวเองการใช้เวลาอยู่กับตัวเองทำให้คุณมีเวลาพอที่จะค้นหาตัวตน และเข้าใจความเป็นตัวคุณมากที่สุด บางครั้งคนเรามัวแต่ชื่นชมกับศาสตร์ที่พยายามจะเข้าใจคนอื่น แต่ลืมไปว่าสิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือ การเข้าใจตัวเองต่างหาก รู้ว่าจริงๆแล้วเราชอบหรือไม่ชอบอะไร โดยปราศจากอิทธิพลจากภายนอกมาเกี่ยวข้อง


2. เพิ่มความนับถือในตัวเองการอยู่คนเดียวเป็นการเพิ่มอิสระให้กับตัวคุณ รวมทั้งยิ่งถ้าคุณได้ใช้ความเป็นตัวคุณเลือกและตัดสินใจอะไรด้วยแล้ว จะยิ่งเป็นการเพิ่มความมั่นใจในตัวคุณไปอีก ซึ่งมันจะค่อยแทรกซึมไปสู่การใช้ชีวิตด้านอื่น ๆ ของคุณด้วย โดยเฉพาะเวลาที่คุณต้องอยู่ร่วมกับคนอื่น สร้างสมดุลระหว่างสองสิ่งนี้ และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมคุณต้องรู้จักให้เวลากับตัวเองบ้าง


3.บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องใช้การประนีประนอมบ่อยครั้งที่คนเราพยายามใช้ความประนีประนอมเมื่อต้องอยู่ร่วมกับบุคคลอื่น เรามักจะอดทนทำงานร่วมกับคนอื่นเพื่อให้บรรลุข้อตกลงหรือเป้าหมายใด ๆ แทนการใช้เวลานั่งกินอาหารค่ำพร้อมดูรายการทีวีสุดโปรด เพราะบางครั้ง การใช้เวลากับตัวเองก็เหมือนการปล่อยให้เราได้ตามใจตัวเอง ทำในสิ่งที่ต้องการ หรือสิ่งที่เรารักโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ


4.ทำให้ตัวเองกลับไปเป็นเด็กวัยรุ่นอีกครั้งจะมีซักวัยมั้ยที่คุณเลือกหลบหนีจากผู้คน เพื่อปลดปล่อยความเป็นตัวคุณ ทิ้งความเครียดไว้เบื้องหลัง แล้วพักผ่อนอย่างเต็มที่ ซึ่งช่วงเวลานั้นเหมือนเป็นการ รีสตาร์ท เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวคุณได้เข้าถึงความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง ซึ่งบางครั้งอาจเป็นสิ่งที่คนอื่นต่อต้าน


5.มีมุมมองที่สดใสการอยู่กับตัวเองทำให้คุณมีเวลาที่จะชำระล้างจิตใจ สลัดความคิดทั้งปวง และเป็นการเปิดให้เห็นความรู้สึกที่มาจากใจของคุณ โดยปราศจากอิทธิพลของคนอื่น เป็นช่วงเวลาที่คุณจะได้สะท้อนดูว่าอะไรรคือสิ่งที่สำคัญในชีวิตของคุณ และจริง ๆ แล้วคุณรู้สึกอย่างไรกับสถานการณ์ในชีวิตประวันที่คุณต้องเผชิญเป็นประจำ


6. เห็นคุณค่าในสิ่งที่คุณรักมากขึ้นการอยู่คนเดียวเป็นการปลดปล่อยตัวคุณให้มีช่วงเวลาที่จะได้ซาบซึ้งกับช่วงเวลาที่ได้อยู่กับคนอื่น ยิ่งถ้าคุณไม่เคยมีเวลาที่อยู่กับตัวเอง คุณย่อมปรารถนามัน ซึ่งมันเป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องหาสมดุลระหว่างมันให้ได้ เพราะหากคุณสามารถทำได้ คุณจะมีความสุขกับการมีความสัมพันธ์กับคนอื่นมากขึ้นใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ แล้วพบว่าการใช้เวลาอยู่กับตัวเองเป็นเรื่องที่ยากและท้าทาย แนะนำให้คุณเริ่มจากการใช้เวลาอยู่กับตัวเองวันละเล็กวันละน้อย เริ่มจากวันละ 1 นาทีจนเป็นชั่วโมง และหลังจากรฝึกฝนไปเรื่อย ๆ คุณจะพบว่ามันจะมาเองตามธรรมชาติในที่สุด

วิธีดูแลสุนัข


วิธีดูแลสุนัข


บ้านไหนที่มีสุนัข วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีวิธีดูแลสุนัขมาฝาก


- ไม่ควรเลี้ยงลูกสุนัขไว้บนพื้นที่ลื่น เช่น พื้นกระเบื้อง หินอ่อนขัด เป็นต้น เพราะจะทำให้ขาสุนัขไม่สวย ขาจะแบะออกคล้าย ๆ กับว่ายืนได้ไม่มั่น


- ไม่ควรอาบน้ำให้ลูกสุนัขที่อายุยังไม่ถึง 3 เดือน ถ้ารู้สึกว่าสกปรกใช้ผ้าน้ำเช็ดขนข้างนอกก็พอ ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ อาบน้ำแล้วให้รีบเช็ดและเป่าให้แห้ง เดี๋ยวสุนัขจะเป็นหวัด



- ระวัง! อย่าให้ลูกสุนัขมุดใต้กรง หรือใต้อะไรที่แข็งและเป็นคาน เพราะมีโอกาสเสี่ยงที่จะเข้าไปติด ถูกกดทับ หรือเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้เส้นหลังเสียได้ (กระดูกสันหลังจะแอ่น


- ควรดูแลรักษาปากและฟันของสุนัข อย่าให้กัดแทะของแข็งเกินไป เดี๋ยวฟันไม่แข็งแรง ควรหากระดูกเทียมให้สุนัขแทะเล่น เอากระดูกแบบสีขาวและมีฟลูออไรด์ด้วยจะได้ทำความสะอาดฟันสุนัขไปในตัว



- เมื่อสุนัขเริ่มเป็นหนุ่มเป็นสาว (อายุ 7-8 เดือน) อย่าเพิ่งรีบให้ผสมพันธุ์ เพราะสุนัขยังไม่โตเต็มที่ อาจทำให้หยุดการเจริญเติบโตและทำให้ตัวเล็ก แล้วก็อาจจะแท้งหรือให้ลูกที่ไม่สมบูรณ์



- เมื่อเริ่มโตสุนัขจะเริ่มมีขนร่วง ไม่ต้องแปลกใจเป็นธรรมชาติของสุนัขที่มีการเจริญเติบโต



- อาหารที่ใช้ควรเป็นอาหารเม็ด เพราะสะดวกรวดเร็ว ถ้าให้อาหารทำเอง สุนัขจะเลือกกินแล้วจะไม่กินอาหารเม็ด อย่าให้แทะกระดูกจริงเพราะจะไปทิ่มเอากระเพาะสุนัขจะติดคอได้ง่าย



- การฉีดวัคซีนและถ่ายพยาธิ ควรทำตามตารางที่สัตว์แพทย์แนะนำ

4 อาหารแก้ง่วงยามบ่าย


4 อาหารแก้ง่วงยามบ่าย

อาการง่วงนอนหาวหวอดเป็นโรคระบาดยามบ่ายๆ ของหนุ่มสาววัยทำงาน ที่ต้องทนทรมานกับความง่วงตลอดทั้งบ่าย ทำให้เสียสมาธิในการทำงานและเกิดอาการเกียจคร้านตามมา จนเสียงานการกันได้

หากว่าไปแล้วอาการอ่อนเพลียที่พูดถึงนี้ เป็นหนึ่งในอาการของโรคไฮโปไกลซีเมีย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการกินอาหารผิดๆ โดยเฉพาะอาหารหวานๆ ที่เต็มไปด้วยน้ำตาลขัดขาวและแป้งขัดขาว

หากคุณยังจัดการกับการง่วงนอนหรือความรู้สึกเฉื่อยชาช่วงบ่ายไม่ได้สักที และไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร เกร็ดสุขภาพฉบับนี้มี 4 อาหารช่วยแก้อาการดังกล่าวมาแนะนำค่ะ

1. ผักผลไม้อุดมวิตามินซี ได้แก่ ฝรั่ง ส้ม บร็อคโคลี ช่วยต้านความเหนื่อยล้าที่มาจากความเครียดและกังวล

2. ผลไม้ที่มีโครเมียม ได้แก่ แอปเปิล กล้วย มันฝรั่ง ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดและเพิ่มพลังงานแก่ร่างกาย

3. เมล็ดพืชมากคุณค่า ได้แก่ งา ถั่วเมล็ดแห้ง ธัญพืชไม่ขัดสี (ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ) และจมูกข้าวสาลี ซึ่งมีโพแทสเซียมและแมกนีเซียม ช่วยบำรุงประสาทและช่วยให้จิตใจแจ่มใส สดชื่น

4. ไขมันดีๆ จากปลา เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เสริมโปรตีนและกรดไขมันโอเมก้า-3 ให้แก่ร่างกาย และยังช่วยทำให้สมาธิและความจดจำดีขึ้น

ความรัก กับ ความอดทน


ความรัก กับ ความอดทน
สิ่งที่มนุษย์ทุกคนมี และไม่มีวันหมดไปได้ คือ "ความรัก"

แต่สิ่งที่มนุษย์มีความจำกัด คือ "ความอดทน"ยิ่งรักมากก็ยิ่งต้องอดทนกับปัญหาต่างๆเพื่อให้รักนั้นยั่งยืน

แต่ในทิศทางตรงกันข้ามเมื่อใดที่ไม่มี "ความรัก"…"ความอดทน"

ก็มักจะหมดลงสิ่งใดที่เคยอดทนได้ก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงลดลงเรื่อยๆ

สิ่งใดที่เคยเห็นดีเห็นชอบกลับกลายเป็นขวางหูขวางตาและท้ายที่สุด...

"เรา" ก็เป็นฝ่ายทิ้ง "ความรัก" นั้นให้จบลงทั้งๆ ที่ยังรักอยู่เต็มหัวใจ

แต่เพียงเพราะการถูกกระทำซ้ำๆ จนกระทั่ง "ความอดทน"

บอกให้เราต้องจากไปเพราะหากรักแล้วยังต้องเจ็บทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือ...

การเลิกราเพื่อที่เราจะได้เข้มแข็งเพื่อที่จะลุกขึ้นได้ใหม่...

ในวันข้างหน้า และก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคง