วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
อาหารพิชิต " ร้ อ น "
อาหารพิชิต " ร้ อ น "
อากาศร้อน โลกร้อน บ้านเมืองเราก็ร้อน เลยอยากมาแนะนำ เคร็ดวิธีจัดเมนูอาหารที่เย็นฉ่ำเปรียบเสมือนโอเอซิสมาฝาก
อย่างน้อยก็ช่วยให้อุณหภูมิที่สูงแทบปรอดแตกนี้ลดลง ไม่ให้ว้าวุ่นกายและใตในหน้าร้อน ใช่ชีวิตอย่างเย็นๆ
หน้าร้อนกร่อนชีวิตให้แก่เร็ว ความชรามีเครื่องพรางอย่างหนึ่งซึ่งไม่ใช่สเต็มเซลล์หรือคอลลาเจน หากแต่เป็นของที่พรางได้ดีกว่านั้นมาก นั้นก็คือสิ่งที่เรียกว่า "สันตติ" คำนี้ที่จริงแปลว่า "ความต่อเนื่อง" มันก็คือความหลงยึดของคนอายุ 70 ปีที่คิดว่ายังคงอายุ 20 ปีอยู่ดังเก่าก่อนเลยกระทำสิ่งต่างๆรวมถึงการกินการอยู่ให้เหมือนกับวัย 20 จนทำให้กายเริ่มประท้วงทนไม่ไหว
นั่นก็คือตัวอย่างของ "สันตติภาคปฏิบัติ" ที่มีความหมายที่แท้จริงคือ ความเห็นว่าตัวเรามีความต่อเนื่องกันว่า กายตอนอายุ 70 ปีก็คือกายสมัย 20 ปีที่เสื่อมลงไปซึ่งที่จริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น แม้ในทางวิทยาศาสตร์ก็บอกแล้วว่าตัวเราผลัดเปลี่ยนอณูกายอยู่ตลอดเวลา กะเอาว่าทุกๆ 7 ปีนี้ก็จะผลัดครบทุกองคาพยพ พูดให้ง่ายขึ้นคือ ทุก 7 ปี เรากลายเป็นคนใหม่เรื่อยๆ
การเลือกกินอาหารจึงช่วยให้ชีวิจสบายขึ้นได้ลองเลือกกินดูเพื่อจะช่วยให้สดชื่นขึ้นสบายตัวขึ้น
อาหารหวานจัด แป้งแยะอย่าง ข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวทุเรียน ผลไม้หวานจัดอย่างขนุน ลำไย ลิ้นจี่ กินได้ แต่ควรกินให้น้อยลงเพราะจะยิ่งทำให้ร้อน อักเสบภายในมากขึ้น แกงเลียง แกงส้ม ต้มยำ เหล่านี้คืออาหารไทยๆ ที่ช่วยคลายความร้อนรุ่มจนขับเหงื่อออกมามากทำให้กายเบาสบายขึ้นได้
เคยรู้บ้างปะ เรื่องแบบว่า..........อะนะ
1. เส้นเลือดในร่างกายมนุษย์มีความยาวรวม 62,000 ไมล์ ถ้านำมันมาเรียงต่อกันเป็นทางยาวจะได้ความยาว ถึง 2.5 เท่าของเส้นรอบวงโลก
2. The Great Barrier Reef (แนวปะการังที่ยาวทีสุดในโลกบริเวณออสเตรเลีย) เป็นโครงสร้างสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีความยาวกว่า 2000 กิโลเมตร
3. โอกาสที่โลกจะถูกโจมตีด้วยอุกาบาตขนาดใหญ่ อยู่ที่ 9300 ปีต่อครั้ง
4. ดาวนิวตรอนขนาดเท่าหัวแม่มือมีน้ำหนักกว่า 100 ล้านตัน
5. พายุเฮอริเคนหนึ่งลูกผลิตพลังงานเท่ากับระเบิดขนาด 1 เมกะตันจำนวน 8000 ลูก
6. คาดว่ามีพยาธิปากขอ ซื่งดูดเลือดเป็นอาหารอยู่ในร่างกายมนุษย์โลกเรา 700 ล้านคน
7. Fred Rompelberg คือผู้ขี่จักรยานด้วยความเร็วที่สุดในโลกด้วยความเร็ว 166.94 ไมล์ต่อชั่วโมง
8. มนุษย์เราสามารถคิดค้นแสงเลเซอร์ที่มีความสว่างกว่าแสงอาทิตย์ 1 ล้านเท่า
9. 65% ของผู้ป่วยออทิสติคส์ เป็นคนถนัดซ้าย
10. Finnish pine tree (ต้นสนชนิดหนึ่งในฟินแลนด์) มีความยาวของรากแต่ละต้นรวมแล้วกว่า 30 ไมล์
11. จำนวนเกลือที่อยู่ในน้ำทะเลทั่วโลกเรา สามารถปกคลุมพื้นผิวทวีปทั่วโลกได้หนากว่า 500 ฟุต
12. กลุ่มแก๊สระหว่างหมู่ดาวในราศีธนู มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์นับหมื่นล้านล้านลิตร
13. หมีขั้วโลกสามารถวิ่งด้วยความเร็ว 25 ไมล์ต่อชัวโมง และกระโดดได้สูงกว่า 6 ฟุต
14. มนุษย์และปลาโลมาสืบสายพันธ์เดียวกันมาตั้งแต่ 60 - 65 ล้านปีก่อน
15. กล้อง infared จับภาพหมีขั้วโลกได้ยากมาก เนื่องจากคุณสมบัติของขนของมัน
16. เฉลี่ยแล้วในหนึ่งปี คนเราจะกินสัตว์จำพวกเห็บลิ้นไร โดยไม่ได้ตั้งใจไป 430 ตัวต่อคนต่อปี
17. รากของต้น Rye(ข้าวชนิดหนึ่งใช้หมักสุรา) สามารถแผ่ขยายไปได้ถึง 400 ไมล์
18. อุณหภูมิบนพื้นผิวของดาวพุธสูงกว่า 430 องศาเซลเซียสในเวลากลางวัน แต่ลดลงต่ำกว่า ติดลบ 180 องศาเซลเซียสในเวลากลางคืน
19. ภายใน 24 ชั่วโมง ต้นโอ๊กขนาดใหญ่ขับน้ำ(ในรูปของไอน้ำ)ออกมา 10 - 25 แกลลอน
20. ผีเสื้อรับรู้รสด้วยขาหลังของมัน โดยประสาทการรับรู้ทำงานโดยการสัมผัส ทำให้มันรู้ว่าใบไม้และดอกไม้ที่มันสัมผัส มีรสชาติอย่างไรและกินได้หรือไม่
อยู่คนเดียวบ้างก็ดีนะ
อยู่คนเดียวบ้างก็ดีนะ
"การอยู่คนเดียว" ในที่นี่ ไม่ได้หมายรวมถึงว่า คุณต้องปฏิเสธการสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น เพราะการมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นถือเป็นด้านหนึ่งที่สำคัญของชีวิต ขณะที่เราต้องรู้จัก
1. เพื่อค้นพบตัวเองการใช้เวลาอยู่กับตัวเองทำให้คุณมีเวลาพอที่จะค้นหาตัวตน และเข้าใจความเป็นตัวคุณมากที่สุด บางครั้งคนเรามัวแต่ชื่นชมกับศาสตร์ที่พยายามจะเข้าใจคนอื่น แต่ลืมไปว่าสิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือ การเข้าใจตัวเองต่างหาก รู้ว่าจริงๆแล้วเราชอบหรือไม่ชอบอะไร โดยปราศจากอิทธิพลจากภายนอกมาเกี่ยวข้อง
2. เพิ่มความนับถือในตัวเองการอยู่คนเดียวเป็นการเพิ่มอิสระให้กับตัวคุณ รวมทั้งยิ่งถ้าคุณได้ใช้ความเป็นตัวคุณเลือกและตัดสินใจอะไรด้วยแล้ว จะยิ่งเป็นการเพิ่มความมั่นใจในตัวคุณไปอีก ซึ่งมันจะค่อยแทรกซึมไปสู่การใช้ชีวิตด้านอื่น ๆ ของคุณด้วย โดยเฉพาะเวลาที่คุณต้องอยู่ร่วมกับคนอื่น สร้างสมดุลระหว่างสองสิ่งนี้ และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมคุณต้องรู้จักให้เวลากับตัวเองบ้าง
3.บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องใช้การประนีประนอมบ่อยครั้งที่คนเราพยายามใช้ความประนีประนอมเมื่อต้องอยู่ร่วมกับบุคคลอื่น เรามักจะอดทนทำงานร่วมกับคนอื่นเพื่อให้บรรลุข้อตกลงหรือเป้าหมายใด ๆ แทนการใช้เวลานั่งกินอาหารค่ำพร้อมดูรายการทีวีสุดโปรด เพราะบางครั้ง การใช้เวลากับตัวเองก็เหมือนการปล่อยให้เราได้ตามใจตัวเอง ทำในสิ่งที่ต้องการ หรือสิ่งที่เรารักโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ
4.ทำให้ตัวเองกลับไปเป็นเด็กวัยรุ่นอีกครั้งจะมีซักวัยมั้ยที่คุณเลือกหลบหนีจากผู้คน เพื่อปลดปล่อยความเป็นตัวคุณ ทิ้งความเครียดไว้เบื้องหลัง แล้วพักผ่อนอย่างเต็มที่ ซึ่งช่วงเวลานั้นเหมือนเป็นการ รีสตาร์ท เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวคุณได้เข้าถึงความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง ซึ่งบางครั้งอาจเป็นสิ่งที่คนอื่นต่อต้าน
5.มีมุมมองที่สดใสการอยู่กับตัวเองทำให้คุณมีเวลาที่จะชำระล้างจิตใจ สลัดความคิดทั้งปวง และเป็นการเปิดให้เห็นความรู้สึกที่มาจากใจของคุณ โดยปราศจากอิทธิพลของคนอื่น เป็นช่วงเวลาที่คุณจะได้สะท้อนดูว่าอะไรรคือสิ่งที่สำคัญในชีวิตของคุณ และจริง ๆ แล้วคุณรู้สึกอย่างไรกับสถานการณ์ในชีวิตประวันที่คุณต้องเผชิญเป็นประจำ
6. เห็นคุณค่าในสิ่งที่คุณรักมากขึ้นการอยู่คนเดียวเป็นการปลดปล่อยตัวคุณให้มีช่วงเวลาที่จะได้ซาบซึ้งกับช่วงเวลาที่ได้อยู่กับคนอื่น ยิ่งถ้าคุณไม่เคยมีเวลาที่อยู่กับตัวเอง คุณย่อมปรารถนามัน ซึ่งมันเป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องหาสมดุลระหว่างมันให้ได้ เพราะหากคุณสามารถทำได้ คุณจะมีความสุขกับการมีความสัมพันธ์กับคนอื่นมากขึ้นใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ แล้วพบว่าการใช้เวลาอยู่กับตัวเองเป็นเรื่องที่ยากและท้าทาย แนะนำให้คุณเริ่มจากการใช้เวลาอยู่กับตัวเองวันละเล็กวันละน้อย เริ่มจากวันละ 1 นาทีจนเป็นชั่วโมง และหลังจากรฝึกฝนไปเรื่อย ๆ คุณจะพบว่ามันจะมาเองตามธรรมชาติในที่สุด
วิธีดูแลสุนัข
วิธีดูแลสุนัข
บ้านไหนที่มีสุนัข วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีวิธีดูแลสุนัขมาฝาก
- ไม่ควรเลี้ยงลูกสุนัขไว้บนพื้นที่ลื่น เช่น พื้นกระเบื้อง หินอ่อนขัด เป็นต้น เพราะจะทำให้ขาสุนัขไม่สวย ขาจะแบะออกคล้าย ๆ กับว่ายืนได้ไม่มั่น
- ไม่ควรอาบน้ำให้ลูกสุนัขที่อายุยังไม่ถึง 3 เดือน ถ้ารู้สึกว่าสกปรกใช้ผ้าน้ำเช็ดขนข้างนอกก็พอ ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ อาบน้ำแล้วให้รีบเช็ดและเป่าให้แห้ง เดี๋ยวสุนัขจะเป็นหวัด
- ระวัง! อย่าให้ลูกสุนัขมุดใต้กรง หรือใต้อะไรที่แข็งและเป็นคาน เพราะมีโอกาสเสี่ยงที่จะเข้าไปติด ถูกกดทับ หรือเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้เส้นหลังเสียได้ (กระดูกสันหลังจะแอ่น
- ควรดูแลรักษาปากและฟันของสุนัข อย่าให้กัดแทะของแข็งเกินไป เดี๋ยวฟันไม่แข็งแรง ควรหากระดูกเทียมให้สุนัขแทะเล่น เอากระดูกแบบสีขาวและมีฟลูออไรด์ด้วยจะได้ทำความสะอาดฟันสุนัขไปในตัว
- เมื่อสุนัขเริ่มเป็นหนุ่มเป็นสาว (อายุ 7-8 เดือน) อย่าเพิ่งรีบให้ผสมพันธุ์ เพราะสุนัขยังไม่โตเต็มที่ อาจทำให้หยุดการเจริญเติบโตและทำให้ตัวเล็ก แล้วก็อาจจะแท้งหรือให้ลูกที่ไม่สมบูรณ์
- เมื่อเริ่มโตสุนัขจะเริ่มมีขนร่วง ไม่ต้องแปลกใจเป็นธรรมชาติของสุนัขที่มีการเจริญเติบโต
- อาหารที่ใช้ควรเป็นอาหารเม็ด เพราะสะดวกรวดเร็ว ถ้าให้อาหารทำเอง สุนัขจะเลือกกินแล้วจะไม่กินอาหารเม็ด อย่าให้แทะกระดูกจริงเพราะจะไปทิ่มเอากระเพาะสุนัขจะติดคอได้ง่าย
- การฉีดวัคซีนและถ่ายพยาธิ ควรทำตามตารางที่สัตว์แพทย์แนะนำ
4 อาหารแก้ง่วงยามบ่าย
4 อาหารแก้ง่วงยามบ่าย
อาการง่วงนอนหาวหวอดเป็นโรคระบาดยามบ่ายๆ ของหนุ่มสาววัยทำงาน ที่ต้องทนทรมานกับความง่วงตลอดทั้งบ่าย ทำให้เสียสมาธิในการทำงานและเกิดอาการเกียจคร้านตามมา จนเสียงานการกันได้
หากว่าไปแล้วอาการอ่อนเพลียที่พูดถึงนี้ เป็นหนึ่งในอาการของโรคไฮโปไกลซีเมีย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการกินอาหารผิดๆ โดยเฉพาะอาหารหวานๆ ที่เต็มไปด้วยน้ำตาลขัดขาวและแป้งขัดขาว
หากคุณยังจัดการกับการง่วงนอนหรือความรู้สึกเฉื่อยชาช่วงบ่ายไม่ได้สักที และไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร เกร็ดสุขภาพฉบับนี้มี 4 อาหารช่วยแก้อาการดังกล่าวมาแนะนำค่ะ
1. ผักผลไม้อุดมวิตามินซี ได้แก่ ฝรั่ง ส้ม บร็อคโคลี ช่วยต้านความเหนื่อยล้าที่มาจากความเครียดและกังวล
2. ผลไม้ที่มีโครเมียม ได้แก่ แอปเปิล กล้วย มันฝรั่ง ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดและเพิ่มพลังงานแก่ร่างกาย
3. เมล็ดพืชมากคุณค่า ได้แก่ งา ถั่วเมล็ดแห้ง ธัญพืชไม่ขัดสี (ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ) และจมูกข้าวสาลี ซึ่งมีโพแทสเซียมและแมกนีเซียม ช่วยบำรุงประสาทและช่วยให้จิตใจแจ่มใส สดชื่น
4. ไขมันดีๆ จากปลา เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เสริมโปรตีนและกรดไขมันโอเมก้า-3 ให้แก่ร่างกาย และยังช่วยทำให้สมาธิและความจดจำดีขึ้น
ความรัก กับ ความอดทน
สิ่งที่มนุษย์ทุกคนมี และไม่มีวันหมดไปได้ คือ "ความรัก"
แต่สิ่งที่มนุษย์มีความจำกัด คือ "ความอดทน"ยิ่งรักมากก็ยิ่งต้องอดทนกับปัญหาต่างๆเพื่อให้รักนั้นยั่งยืน
แต่ในทิศทางตรงกันข้ามเมื่อใดที่ไม่มี "ความรัก"…"ความอดทน"
ก็มักจะหมดลงสิ่งใดที่เคยอดทนได้ก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงลดลงเรื่อยๆ
สิ่งใดที่เคยเห็นดีเห็นชอบกลับกลายเป็นขวางหูขวางตาและท้ายที่สุด...
"เรา" ก็เป็นฝ่ายทิ้ง "ความรัก" นั้นให้จบลงทั้งๆ ที่ยังรักอยู่เต็มหัวใจ
แต่เพียงเพราะการถูกกระทำซ้ำๆ จนกระทั่ง "ความอดทน"
บอกให้เราต้องจากไปเพราะหากรักแล้วยังต้องเจ็บทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือ...
การเลิกราเพื่อที่เราจะได้เข้มแข็งเพื่อที่จะลุกขึ้นได้ใหม่...
ในวันข้างหน้า และก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคง
วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2552
4 เคล็ดลับ เติมความอบอุ่น ให้ห้องนอน
4 เคล็ดลับ เติมความอบอุ่น ให้ห้องนอน
ดีไซเนอร์และผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับเห็นพ้องต้องกันว่า ห้องนอนควรเป็นเสมือนที่ลี้ภัยอันสงบสุข ซึ่งเหมาะแก่การนอนและผ่อนคลาย และนี่คือห้าเคล็ดลับในการทำให้ห้องนอนเป็นสวนสวรรค์อันสงบสุข
1. กำจัดความรกรุงรัง เมื่อคุณเดินเข้าไปในห้องนอน ทุกอย่างดูรกตาไปหมดหรือเปล่า ไม่ว่าคุณจะมีของตกแต่งที่มากเกินไปบนผนังห้อง ของกระจุกกระจิกที่โต๊ะเครื่องแป้ง หรือเสื้อผ้าสกปรกกองบนพื้น ยิ่งคุณมีของมากเท่าไหร่ ห้องก็จะยิ่งดูเล็กลงเท่านั้น พยายามจัดระเบียบและเก็บข้าวของให้พ้นสายตาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่อย่ายัดของทั้งหมดเข้าไปใต้เตียง ผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ยเตือนว่า ของที่เก็บไว้ใต้เตียงจะขัดขวางการไหลของพลังงาน และส่งผลต่อการพักผ่อนของคุณ
2. เก็บห้องไว้เพื่อการนอนเท่านั้น บ้านของเราก็มักจะวุ่นวายพอๆ กับชีวิตของเรานั่นแหละ และบ่อยครั้งที่ห้องนอนก็มักจะต้องทำหน้าที่เป็นห้องทำงานไปด้วย แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและการนอนหลับบอกว่า คุณควรเอาคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์การทำงานออกไปจากห้องนอนซะ โต๊ะทำงานและคอมพิวเตอร์จะทำให้จุดประสงค์ของห้องเบี่ยงเบนไป แต่ถ้าคุณไม่มีที่จะวางคอมพิวเตอร์จริงๆ ลองวางมันไว้ในตำแหน่งที่คุณจะไม่เห็นมันเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนหลับตา หรือสิ่งแรกที่เห็นเมื่อลืมตาตื่นในตอนเช้า
3. การตกแต่งควรเรียบง่ายและผ่อนคลาย ห้องนอนไม่ใช่ที่สำหรับทดลองการใช้เทรนด์แปลกๆ เปรี้ยวๆ ไม่ว่ามันจะทันสมัยยังไงก็ตาม การสร้างความรู้สึกสงบและผ่อนคลายควรเป็นหัวใจสำคัญอย่างแรกของการตกแต่งห้องนอน ยึดโทนสี เท็กซ์เจอร์ และของตกแต่งที่จะให้ความรู้สึกผ่อนคลายในแบบที่คุณชอบ
4. ทุ่มทุนในเรื่องของผ้าปูที่นอน ผิวของคุณจะต้องสัมผัสกับผ้าปูที่นอนเป็นเวลาหกถึงแปดชั่วโมงในแต่ละคืน และคุณจะต้องเห็นผ้าปูที่นอนและเครื่องนอนทุกครั้งที่เข้ามาในห้อง ผ้าปูที่นอนจึงควรปรนเปรอทั้งผิวกายและสายตาของคุณ ผ้าปูที่นอนดีๆ ยังสามารถทำให้ห้องที่แสนเรียบง่ายดูดีขึ้นมาในทันทีอีกด้วย
แค่เปลี่ยนมุมคิด โลกก็เปลี่ยนแล้ว
แค่เปลี่ยนมุมคิด โลกก็เปลี่ยนแล้ว
" อย่ากลัวถ้าจะต้องล้มเหลว อย่าอายถ้าบางทีเราต้องพ่ายแพ้บ้าง เราไม่จำเป็นต้องชนะตลอด ไม่จำเป็นต้องเก๋ ต้องเด่นกว่าคนอื่นตลอดเวลา คนที่ไม่กลัวล้มเหลวจะเป็นคนสง่า เพราะหลังจากที่มีความพร้อมและเข้าใจในสิ่งที่จะทำอย่างดีแล้ว เขาก็จะทำ คิด พูด สร้างสรรค์อย่างมั่นใจ จะมีความสง่างามและมีเสน่ห์ในตัวเองได้"
" มีความรักและมีไฟในสิ่งที่ทำอยู่ เมื่อใดก็ตามที่เรารักในสิ่งที่เราทำ เราจะทำได้ดีและไม่รู้สึกเหนื่อย มีไฟ คือมีความอยากและกระตือรือร้นที่จะทำ และทุ่มเทอย่างเต็มที่"
"ใช้ชีวิตอยู่ เพื่อวันนี้ แต่ก็อย่าลืมมองไปข้างหน้าด้วย ประเด็นก็คืออย่าไปพะวงถึงเรื่องที่ยังมาไม่ถึง อย่าไปกังวลถึงเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
คติสอนใจ..จากไม้ขีดไฟ เพียงอันเดียว
ชีวิตคนเราอาจเปรียบได้กับไม้ขีดไฟ
ก้านไม้ขีด..ก็เหมือนกันเวลาชีวิตของเรา
เวลาชีวิตของเรา..หากมองจริงๆ ก็แสนจะสั้นเหลือเกิน เมื่อเรามีบางสิ่งบางอย่างทำ
บางคน..อาจมองว่าชีวิตของเรา ทำไมมันช่างแสนจะยาวนานนัก
เพราะนั่น..คือการที่เรายังไม่ได้จุดไม้ขีดไฟ
เมื่อเกิดการเสียดสีกับกล่องไม้ขีด ไฟก็จะลุกโชน
ในช่วงเวลาที่เราเริ่มจุดไม้ขีดนั้น
ไม้ขีดบางอัน ก็อาจจะลุกติดในทันที แต่บางอัน ก็ต้องใช้เวลานานกว่าจะติด
ไฟ..ก็เปรียบเสมือนงาน หรือจุดมุ่งหมายของเรา
บางคน...กว่าจะค้นหาเป้าหมายของตัวเองเจอ ก็ช่างนานแสนนาน
และเมื่อจะเริ่มทำเป้าหมายที่วางไว้ให้สำเร็จ..หัวไม้ขีดก็เก่าเสียแล้ว
จะจุดไม้ขีดก็ต้องยากเป็นธรรมดา
เมื่อไฟลุกติด..เมื่อเราเริ่มทำความฝันให้เป็นความจริง
ไฟก็จะมอดก้านไม้ขีด..เวลาแห่งชีวิต เวลาแห่งอิสระก็เริ่มจะสั้นลงๆ
ขณะที่ไฟลามไปยังก้านไม้ขีด
บางอันอาจจะช้า บางอันอาจจะเร็ว ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งต่างๆ
ตอนที่ไฟลุกอยู่...อาจจะมีลมแรงพัดผ่านเข้ามา อาจจะมีฝนตก ไฟก็อาจจะดับได้
เมื่อลุกมาถึงกลางก้านไม้ขีดแล้ว ก็เป็นไปไม่ได้ที่ไฟจะกลับมาลุกโชนอีกครั้งได้ง่ายๆ
ก็จำเป็นต้องพึ่งไม้ขีดอีกอัน พึ่งเพื่อนรักของเรา มาประคองไฟให้ลุกใหม่ได้อีกครั้ง
เมื่อจุดหมายของเราใกล้จะประสบความสำเร็จ ก้านไม้ขีดที่เหลือก็มีอยู่น้อยเต็มทีแล้ว
แต่เมื่อใดที่ไฟสุดท้ายของไม้ขีดดับมอดลง เมื่อวาระสุดท้ายของคนเรามาถึง
ก็จำเป็นที่จะต้องจากไป
แต่ประโยชน์ที่เราสร้างไว้ จุดหมายที่ประสบความสำเร็จ ไฟที่สร้างความสว่างไสวเอาไว้
แม้จะเป็นแค่เพียงไฟดวงเล็กๆ แต่ก็ได้สร้างประโยชน์เอาไว้ให้แก่คนรอบข้าง
และบางที
ก้านไม้ขีดไฟอันนี้…ก็อาจนำไปเพื่อจุดกองไฟกองโต
เพื่อความสว่างไสวและอบอุ่นของคนมากมาย..ตลอดคืน
ในทางกลับกัน..บางคนอาจกล่าวว่า
คติสอนใจ..จากไม้ขีดไฟ เพียงอันเดียว
ถ้าเราไม่จุดไฟ..เราก็มีก้านไม้ขีดที่เหลืออีกมากมายเหลือเฟือ
แต่ถ้าหากเราปล่อยก้านไม้ขีดเอาไว้อย่างนั้น
นานวันเข้า..นานวันเข้า
ก้านไม้ขีดก็จะจุดติดยาก หรืออาจจะจุดไม่ติด
พอถึงวันนั้น..
คนที่จะใช้ไม้ขีดก็คงจะทำอะไรไปไม่ได้...นอกจากจะต้องทิ้งไม้ขีดไฟก้านนั้นทิ้งไป...
หยุดที่ใจ
วิธีสมัคร e-mail
1. คลิกลงทะเบียนเข้าใช้ Windows Live Hotmail ที่นี่
6. ป้อนข้อมูลในส่วน ข้อมูลของคุณ แนะนำให้กรอกเป็นภาษาไทยปีเกิด ให้กรอกเฉพาะปี ค.ศ. ที่เกิด โดยใช้ปี พ.ศ. เกิดลบด้วย 543 ตัวอย่าง เกิดปี พ.ศ. 2536 จะได้เป็น 2536 - 543 = 1993นำตัวเลข 1993 กรอกในช่องปีเกิด
...สามัคคี...
"รัก" มีแต่สิ่งดี ดี ให้กันและกัน...
"รัก" มีแต่สิ่งดี ดี ให้กันและกัน...
สิ่งที่ได้สะสมมา
หากเหนื่อยล้าก็วางสิ่งที่อยู่บนบ่าไว้บ้าง
ภาระหน้าที่....ความรับผิดชอบ ก็เหมือนสิ่งของชิ้นหนึ่ง ที่เราแบกมันไว้ตลอดเวลา หลายครั้งหลายหน ที่สิ่งของชิ้นนี้มันทำให้เราเหน็ดเหนื่อยกับการแบกมันไว้ แต่การทิ้งขว้างก็ดูจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีนัก แล้วเราจะจัดการกับสิ่งที่มันหนักอึ้งนี้อย่างไร วันไหนที่รู้สึกเหนื่อยล้าจนทนไม่ไหว ลองเก็บภาระหน้าที่และความรับผิดชอบใส่กล่องใบใหญ่ ปิดฝาให้สนิทแต่ไม่ถึงกับต้องติดสก๊อตเทปหรอกนะ เพราะถึงอย่างไรคุณก็ต้องเปิดมันออกมาอยู่ดี เราแค่จะปิดมันไว้เพียงชั่วคราวเท่านั้น แล้วแอบมันไว้ตรงไหนสักมุมนึง ที่เราไม่สามารถมองเห็นมันได้อีกในช่วงระยะเวลาของการปลดปล่อย เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพ ลองสำรวจตัวเองดูหน่อยดีมั๊ย คุณละเลยตัวเองมานานแค่ไหน คุณใช้เวลาไปกับภาระหน้าที่และความรับผิดชอบมานานเท่าไหร่ สุขภาพร่างกายคุณใช้งานมันหนักหนาสาหัสเพียงใด คุณละทิ้งความสุขเพราะมั่วยุ่งกับภาระหน้าที่ที่แสนหนักอึ้งได้อย่างไร หากวันนี้คุณจะวางทุกอย่างลงบ้าง อย่างน้อยแค่ซักช่วงเวลานึง มันก็เหมือนการได้เติมพลังให้กับตัวเองอีกครั้ง พลังในตัวเองที่มีอยู่ถ้าแค่ได้แต่ใช้ไป ไม่มีการเติมเต็มมันย่อมมีวันหมด เมื่อถึงวันนั้นเราอาจจะไม่มีเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นมา และต้องละทิ้งภาระหน้าที่ ความรับผิดชอบตลอดไปก็อาจเป็นได้ งั้นถ้าวันนี้มันเหนื่อยล้า..... ก็วางสิ่งที่อยู่บนบ่าไว้บ้างนะ แต่..ด้วยความรักที่มีต่อลูก ไม่ว่าจะหนักเพียงใด แม่ก็ไม่เคยวางซะที
รู้จักกันมั้ย "โรคอกหัก"
เขาว่ากันว่า ความรักนี้ช่างมหัศจรรย์นักหนา เพราะแค่คำว่ารัก คำเดียว สามารถเปลี่ยนคนเราให้ขาวกลายเป็นดำได้ สามารถทำให้คนหดหู่กลายเป็นคนสดใสขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
แต่ในขณะเดียวกันเมื่อเราต้องเจอกับความไม่สมหวังในความรัก รักนั้นก็อาจจะกลายเป็นยาพิษที่สามารถทำให้เราทรมานทั้งร่างกายและจิตใจได้ อย่างที่เรียกกันบ่อย ๆ ว่า "อกหัก" เมื่อก่อนนี้เราอาจจะมองว่า "อกหัก" เป็นแค่อาการ ๆ หนึ่งที่จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเราไม่สมหวังในความรัก รักเขาแล้ว แต่เขาไม่รักตอบกลับไปรักคนอื่นที่ไม่ใช่เราแทน
แต่คุณทราบหรือไม่ว่าเดี๋ยวนี้ "อกหัก" ไม่ใช่แค่อาการธรรมดา ๆ แล้วนะ เพราะล่าสุดนักวิจัยจากประเทศออสเตรีย ระบุว่า อกหัก ถือเป็น "โรค" อย่างหนึ่งได้ เพราะมันมีผลกระทบต่อทั้งร่างกายและจิตใจของผู้ที่เป็นโรคอกหักเลยทีเดียว
อาการทางร่างกาย ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ นอนไม่ค่อยหลับน้ำหนักลดลง ไม่เจริญอาหาร ภูมิคุ้มกันลดลง ในขณะที่อาการทางจิตใจก็คือ เครียด รู้สึกหมดอาลัยตายอยาก ไม่มีเรี่ยงแรง ไม่ค่อยมีสติ
ซึ่งอาการดังกล่าวนี้ส่งผลให้ผู้ป่วยมีร่างกายและสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ หากไม่ได้รับการรักษาเยี่ยวยาที่ถูกต้องอาจจะนำพาไปสู่ภาวะขาดสติจนถึงขั้นคิดฆ่าตัวตายเลยทีเดียว
โดยการรักษานั้นนักวิจัยกล่าวว่า ให้ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับรักครั้งเก่า ให้คนรอบข้างหมั่นพาไปในสถานที่ที่ยังไม่เคยไปด้วยกันมาก่อน หรือลองหากิจกรรมใหม่ ๆ ทำด้วยกัน แต่ทั้งนี้ หากเป็นคนที่มีจิตใจที่อ่อนแอมาก ๆ แนะนำว่าให้ควรพบจิตแพทย์ เพราะคุณหมอจะช่วยเยียวยาได้ดีที่สุด เนื่องจากผู้ที่มีจิตใจที่อ่อนแอมีแนวโน้มที่จะฆ่าตัวตายง่ายกว่าคนที่มีจิตใจที่เข้มแข็ง
วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2552
ประวัติ ทัชมาฮาล
หลังจากที่พระเจ้าชาห์ ชหาน ขึ้นครองราชบัลลังก์ในปี พ.ศ. 2171 พระองค์มอบความไว้วางใจแก่ อรชุมันท์ พานุ เพคุม และเรียกนางว่า มุมตัซ มาฮาล "อัญมณีแห่งราชวัง" พระมเหสีติดตามพระองค์ แม้แต่ในสนามรบ แนะนำพระองค์ในเรื่องราชการของประเทศ และพระองค์ซาบซึ้งในน้ำพระทัยของพระมเหสียิ่งนัก ครั้นในปี พ.ศ. 2174 (ค.ศ. 1631) พระมเหสีมุมตัซสิ้นพระชนม์ หลังจากให้กำเนิดทายาทองค์ที่ 14 การสิ้นพระชนม์ของพระมเหสีทำให้พระเจ้าชาห์ ชหานโศกเศร้าอยู่ถึงสองทศวรรษ ราชสมบัติส่วนใหญ่สูญเสียไปเพื่อการสร้างอนุสรณ์แห่งความรักของทั้งสองพระองค์
ในปี พ.ศ. 2200 (ค.ศ. 1657) พระเจ้าชาห์ ชหานทรงพระประชวร และในปี พ.ศ. 2201 (ค.ศ. 1658) พระโอรส โอรังเซบ จับพระเจ้าชาห์ ชหานขัง และขึ้นครองราชบัลลังก์แทน พระองค์ถูกกักขังอยู่ถึง 8 ปี จนกระทั่งสวรรคตในปี พ.ศ. 2209 (ค.ศ. 1666) ตามตำนานกล่าวว่าให้วันสุดท้ายของชีวิตพระองค์ใช้เวลาทั้งวันในการจ้องมองเศษกระจกที่สะท้อนภาพของทัชมาฮาล และสิ้นพระชนม์ด้วยเศษกระจกในกำมือ พระเจ้าชาห์ ชหานถูกฝังในทัชมาฮาล เคียงข้างมเหสีซึ่งพระองค์ไม่เคยลืม มีบางคนกล่าวว่าพระเจ้าชาห์ ชหาน มิได้ประสงค์ที่จะถูกฝังร่วมกับประมเหสี แต่พระองค์มีแผนการที่จะสร้างสุสานอีกแห่งด้วยหินอ่อนสีดำ เพื่อเป็นสุสานของพระองค์ แต่ผู้รู้หลายท่านเชื่อว่าพระองค์ประสงค์ที่จะถูกฝังเคียงข้างพระนางมุมตัซ มาฮาล
ทัชมาฮาลถูกพิจารณาให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคใหม่ ทัชมาฮาลตั้งอยู่ในสวนริมฝั่งแม่น้ำยมุนา ในเมืองอาครา ส่วนที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ หลุมศพของพระนางมุมตัซ มาฮาล ซึ่งถูกสร้างด้วยหินอ่อนสีขาว ศิลาแลง ประดับลวดลายเครื่องเพชร พลอย หิน โมราและเครื่องประดับจากมิตรประเทศ ได้รับคำรับรองว่าสร้างขึ้นด้วยสัดส่วนที่วิจิตรและงดงามที่สุด กว้างยาวด้านละ 100 เมตร สูง 60 เมตร มีผู้สร้างและออกแบบร่วม 20,000 คน การก่อสร้างกินเวลานานถึง 22 ปี ทัชมาฮาลมีเนื้อที่ประมาณ 42 เอเคอร์ เป็นที่ตั้งของมัสยิด มีหออาซาน (หอสูงสำหรับร้องแจ้งเวลาทำนมาซ) และมีสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ นายช่างที่ออกแบบ ชื่อ อุสตาด ไอซา ถูกประหารชีวิตเพื่อมิให้ไปออกแบบสถาปัตยกรรมใด ๆ ที่สวยกว่าได้ ส่วนหัวของทัชมาฮาลมีลักษณะโดมที่เรียกว่าโอเนียนโดม
เหตุผลที่ได้รับคัดเลือกเป็นมรดกโลก
ทัชมาฮาลได้ถูกรับเลือกเป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2526 โดยมีเหตุผลตามเกณฑ์การพิจารณาคือ
1.เป็นตัวแทนซึ่งแสดงผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันฉลาด
===> ทัชมาฮัล <===
...เพียงแค่พอ...
วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2552
เนื้อเพลง
Artist: Britney Spears
"Never look back," we said
How was I to know I'd miss you so?
Loneliness up ahead, emptiness behind
Where do I go?
And you didn't hear
All my joy through my tears
All my hopes through my fears
Did you know, still I miss you somehow
From the bottom of my broken heart
There's just a thing or two I'd like you to know
You were my first love, you were my true love
From the first kisses to the very last rose
From the bottom of my broken heart
Even though time may find me somebody new
You were my real love, I never knew love
'Til there was you
From the bottom of my broken heart
"Baby," I said, "please stay.
Give our love a chance for one more day"
We could have worked things out
Taking time is what love's all about
But you put a dart
Through my dreams through my heart
And I'm back where I started again
Never thought it would end
You promised yourself
But to somebody else
And you made it so perfectly clear
Still I wish you were here
"Never look back," we said
How was I to know I'd miss you so?
เราคุยกันไว้ว่าจะไม่เหลียวหลังกลับ
อยากรู้ว่าฉันจะเป็นเช่นไรเมื่อยามใดที่ฉันคิดถึงเธอ
ความเงียบเหงาอยู่เบื้องหน้า ความเปล่าเปลี่ยวอยู่เบื้องหลัง
ฉันควรไป ณ ที่แห่งใด
และสิ่งที่เธอไม่เคยได้รับฟัง
น้ำตาซึมผ่านความร่าเริงทั้งหมดของฉัน
ความหวาดกลัวพาดผ่านความหวังทั้งหมดของฉัน
เธอรู้บ้างไหม ฉันยังคงคิดถึงเธอ
จากก้นบึ้งของหัวใจที่เจ็บช้ำ
มันมีบางสิ่งที่อยากให้เธอรู้
เธอคือรักครั้งแรกของฉัน เธอคือรักแท้ของฉัน
จากจูบแรกไปจนถึงดอกกุหลาบดอกสุดท้าย
จากก้นบึ้งของหัวใจที่เจ็บช้ำ
แม้ว่าเวลาจะนำพาให้ฉันพบใครสักคน
เธอคือรักที่แท้จริงของฉัน ฉันไม่เคยรู้จักความรัก จนวันที่ฉันได้พบเธอ
”ที่รัก อยู่ที่นี่เถิดนะ ให้โอกาสความรักของเราอีกสักวันจะได้ไหม”
เราสามารถผ่านพ้นทุกอย่างไปด้วยกันได้
ให้เวลาบอกว่าความรักนี้ควรเป็นเช่นไร
แต่เธอได้ปล่อยฉันไปอย่างรวดเร็ว
ข้ามผ่านความฝัน ผ่านหัวใจของฉัน
ฉันกลับไปไปเริ่มใหม่อีกครั้ง
ไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องราวมันจะต้องจบลง
เธอให้สัญญากับตัวเธอเอง
แต่มันสำหรับใครที่ไม่ใช่ฉัน
เธอได้ทำให้เห็นอย่างชัดเจน
แต่ถึงกระนั้น ฉันก็ยังหวังว่าเธอจะอยู่กับฉันตรงนี้เช่นเดิม